วันที่ 17 พฤษภาคม 2567 นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. กล่าวว่า ตามที่ คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ให้สำนักงาน ปปง. ดำเนินการส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน นั้น

       วันนี้ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้มอบหมายให้ คณะพนักงานเจ้าหน้าที่กองคดี 1 สำนักงาน ปปง. ส่งมอบสำนวนคดีให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด จำนวน 2 รายคดี ได้แก่ รายคดี นางสาวพิมพ์รภัสฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สิน ตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 43 รายการ (ที่ดิน สิ่งปลูกสร้างและเงินในบัญชีเงินฝาก) พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท พร้อมดอกผลและรายคดี นายเกียรติศักดิ์ฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับยาเสพติดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือกฎหมายว่าด้วยมาตรการ ในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 8 รายการ (เงินสดและเงินในบัญชีเงินฝาก) พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท พร้อมดอกผล

         ทั้งนี้ ในคดีความผิดที่เกี่ยวกับการฉ้อโกง สำนักงาน ปปง. อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้เสียหายเพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิฯ โดยให้บุคคลที่ได้รับความเสียหายในรายคดีที่เกี่ยวข้องยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดแห่งความเสียหายและจำนวนความเสียหายที่ได้รับ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงาน ปปง. ภายในระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาตามแต่คดี โดยผู้เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบข้อมูลได้จากเว็บไซต์ สำนักงาน ปปง. (www.amlo.go.th) เมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าวสำนักงานจะได้ดำเนินการเพื่อส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) แทนการสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป