วันที่ 29 พฤษภาคม 2563 เวลา 10.00 น. นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้อำนวยการกองคดี 2 ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการ ปปง. ให้เป็นผู้แทนสำนักงาน ปปง. ร่วมแถลงข่าวพร้อมด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่กองคดี 2 สำนักงาน ปปง. ได้แก่ นายวิทยาพร จันทวาส นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ, นายพรสวรรค์ อนุอัน นิติกรชำนาญการ, นายกรกฤษณ์ ปราบเขต นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ, นายภัทร คงคาทิพย์ นักสืบสวนสอบสวนปฏิบัติการ, และนายกสานติ์ ปัญญาชัยรักษา นิติกร ในการขยายผลจับกุมเครือข่ายอุ้มบุญข้ามชาติ (Operation Stop Child Born) กับกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ณ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร และสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้ทั้งหมดจำนวน 23 ราย ในความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 (กฎหมายอุ้มบุญ) และความผิดที่เกี่ยวเนื่องที่มีพฤติการณ์เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ได้แก่ กลุ่มนายหน้าชาวจีน, กลุ่มนายหน้าจัดหาแม่อุ้มบุญ, กลุ่มคนขับรถและให้บริการความสะดวกแม่อุ้มบุญ, กลุ่มแม่บ้านดูแลแม่อุ้มบุญและดูแลเด็กหลังคลอด และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ โดยได้ส่งสำนวนไปยังสำนักงานอัยการพิจารณา และอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว ทั้งนี้ การขยายผลฯ ดังกล่าว สืบเนื่องจากปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายอุ้มบุญข้ามชาติ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ได้ จำนวน 9 ราย (ชาวจีน 2 รายและชาวไทย 7 ราย) สามารถช่วยเหลือเด็กอ่อนที่เกิดจากแม่อุ้มบุญ จำนวน 2 คน (อายุ 22 วัน และ 4 เดือน) และตรวจพบกลุ่มหญิงไทยที่รับจ้างอุ้มบุญ จำนวน 15 ราย ตรวจยึดทรัพย์สินที่น่าเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 (กฎหมายอุ้มบุญ) เช่นรถยนต์หรู จำนวน 16 รายการ บ้านพักคอนโดทาวน์ 5 ชั้น จำนวน 2 หลัง บ้าน จำนวน 4 หลัง เงินสด และทองรูปพรรณเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท